top of page

ผลการค้นหา

พบ 55 รายการสำหรับ ""

  • จิบกาแฟให้ถูกเวลา ช่วยลดความเสี่ยงอายุสั้น!

    ข่าวดีสำหรับคอกาแฟ! งานวิจัยล่าสุดเผยว่า เวลาที่คุณดื่มกาแฟ  อาจมีผลต่อสุขภาพและช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หากดื่มในช่วงเช้า (04:00–11:59 น.) จะดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะดื่มกาแฟแบบไหนหรือในปริมาณเท่าไหร่ก็ตาม ไขความลับสุขภาพกับกาแฟ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน European Heart Journal  ศึกษาข้อมูลจากผู้ใหญ่กว่า 40,000 คน พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟเฉพาะช่วงเช้า ลดความเสี่ยงการเสียชีวิตก่อนวัยลงได้ถึง 16%  และลดโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้ถึง 31%  เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มกาแฟเลย ส่วนคนที่ดื่มกาแฟตลอดทั้งวันไม่ได้ประโยชน์ในแง่นี้ นอกจากนี้ จะเป็นกาแฟปกติหรือดีแคฟ (กาแฟไม่มีคาเฟอีน) ก็ให้ผลลัพธ์คล้ายกัน ดื่มเช้าทำไมดีกว่า? ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าคาเฟอีนที่ดื่มช่วงบ่ายหรือเย็นอาจรบกวนวงจรชีวภาพของร่างกาย (circadian rhythms) ซึ่งส่งผลต่อการนอนหลับและระดับฮอร์โมน เช่น เมลาโทนิน ที่ช่วยควบคุมความดันโลหิตและลดการอักเสบ ไม่ใช่แค่เรื่องกาแฟ การดื่มกาแฟตอนเช้ายังอาจเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตที่สุขภาพดี เช่น การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่ดี และหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงผลการศึกษาแบบสังเกตการณ์ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการดื่มกาแฟเช้าเป็นเหตุโดยตรง ปรับพฤติกรรมการดื่มง่าย ๆ หากคุณอยากเริ่มดื่มกาแฟเฉพาะตอนเช้า ลองทำตามนี้: ลดปริมาณกาแฟบ่าย  โดยเติมน้ำเพิ่มเพื่อเจือจาง ดูแลการนอนหลับ  ให้พอเพียง ตรวจสุขภาพ เช่น ระดับวิตามินดี ธาตุเหล็ก หรือฮอร์โมนไทรอยด์ หากคุณรู้สึกอ่อนเพลียบ่อย กาแฟไม่ใช่แค่เครื่องดื่มที่ปลุกให้ตื่นในตอนเช้า แต่ยังอาจเป็น "เครื่องดื่มยืดชีวิต" ได้อีกด้วย ลองปรับพฤติกรรมการดื่มให้เข้ากับนาฬิกาชีวภาพ แล้วร่างกายของคุณจะขอบคุณในระยะยาว Source: https://www.cnn.com/2025/01/07/health/coffee-drinking-timing-death-risk-wellness/

  • จิบนี้เพื่อชีวิตที่ยืนยาว!

    เคยคิดไหมว่าความลับของการมีชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดี อาจอยู่ใกล้แค่แก้วน้ำของคุณ? ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการดื่มน้ำไม่เพียงช่วยให้คุณสดชื่น แต่ยังเป็น “สูตรลับ” ที่ทำได้ง่ายสุดๆ และส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว ทำไมการดื่มน้ำถึงสำคัญ? น้ำเปรียบเสมือนยาวิเศษสำหรับร่างกาย ช่วยหล่อลื่นข้อต่อ บำรุงผิวพรรณ เพิ่มการทำงานของระบบย่อยอาหาร และช่วยควบคุมความดันโลหิต นอกจากนี้ยังช่วยลดโอกาสการเกิดไมเกรน และส่งเสริมการมีชีวิตที่ไร้โรค นาตาเลีย ดิมิทรีวา นักวิจัยจากสถาบันหัวใจ ปอด และเลือดแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา บอกว่า “การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถช่วยยืดอายุและลดโรคภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เริ่มต้นอย่างไรให้ดื่มน้ำเป็นนิสัย? การสร้างนิสัยดื่มน้ำไม่ได้ยากอย่างที่คิด ลองปรับตามกิจวัตรประจำวัน เช่น: จิบก่อนกาแฟตอนเช้า:  ขณะรอกาแฟหรือน้ำชาเดือด ดื่มน้ำสักแก้วเพื่อเริ่มต้นวันใหม่แบบสดชื่น จิบตอนยืดเส้นยืดสาย:  เมื่อคุณลุกขึ้นยืดเส้น ลองหยิบน้ำมาจิบด้วย ช่วงอุ่นอาหาร:  ใช้เวลาที่รอไมโครเวฟทำงานดื่มน้ำแทนการไถมือถือ พาน้องหมาเดินเล่น:  พกขวดน้ำติดตัว และดื่มให้หมดก่อนกลับถึงบ้าน การเพิ่มพฤติกรรมใหม่ในสิ่งที่คุณทำประจำนี้เรียกว่า Habit Stacking  ช่วยให้คุณจดจำและสร้างนิสัยใหม่ได้ง่ายขึ้น คุณดื่มน้ำพอหรือยัง? ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้หญิงดื่มน้ำวันละ 8–10 แก้ว และผู้ชาย 10–12 แก้ว ซึ่งหลายคนอาจไม่ได้ดื่มถึงปริมาณที่แนะนำ เคล็ดลับ: พกขวดน้ำขนาด 32 ออนซ์ติดตัว และจิบไปเรื่อยๆ ตลอดวัน ตอนเย็นลองเช็กดูว่าคุณดื่มหมดหรือยัง ถ้าไม่ครบ เติมน้ำอีกและจิบต่อก่อนจบวัน น้ำไม่ใช่ตัวเลือกเดียว! หากคุณไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ลองเลือกน้ำชาแบบไม่มีน้ำตาล น้ำอัดลมที่ไม่มีแคลอรี หรือแม้กระทั่งอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เช่น แตงกวา ส้ม หรือมะเขือเทศ ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มการดื่มน้ำได้ พร้อมจะเริ่มต้นปีใหม่แบบเฮลตี้หรือยัง? การดื่มน้ำอาจดูเหมือนเป็นสิ่งเล็กๆ แต่ผลลัพธ์นั้นใหญ่เกินคาด ลองเพิ่มพฤติกรรมนี้ในชีวิตประจำวัน แล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งสุขภาพและพลังชีวิต ดื่มน้ำให้ครบ เป้าหมายสุขภาพดีรอคุณอยู่ Source: https://www.cnn.com/2025/01/05/health/drinking-water-wellness

  • ยืดเส้นให้สนุก!

    อยากร่างกายยืดหยุ่น ป้องกันการบาดเจ็บ และแข็งแรงไปนาน ๆ ไหม? การยืดเส้นง่าย ๆ สองท่านี้จะช่วยให้คุณพร้อมลุยทุกวัน ท่ายืดที่ 1: ผ่อนคลายหลังขา ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้านหลังต้นขาอย่างง่าย ๆ จับเก้าอี้หรือเคาน์เตอร์ไว้ให้มั่น ยื่นขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า ปล่อยข้อเท้าผ่อนคลายและเข่าไม่ตึงจนเกินไป โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วจินตนาการว่ามีเชือกดึงหางกระดูกของคุณขึ้น! คุณจะรู้สึกตึงบริเวณหลังขา ค้างไว้ 10-30 วินาที อย่าฝืน จากนั้นเปลี่ยนขา ทำซ้ำตามต้องการ แบบนอนก็ได้: ถ้าชอบนอน ลองยกขาขึ้นทีละข้าง ใช้ผ้าหรือเข็มขัดช่วยดึงขาเบา ๆ เพื่อยืดได้เหมือนกัน ท่ายืดที่ 2: ดูแลน่อง ให้กล้ามเนื้อน่องรู้สึกผ่อนคลาย จับกำแพงหรือเก้าอี้ให้มั่น ก้าวขาหนึ่งข้างไปข้างหลัง ปลายเท้าทั้งสองข้างต้องขนานกันเหมือนกำลังสกี โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วกดส้นเท้าข้างหลังลงจนรู้สึกตึงบริเวณน่องและเอ็นร้อยหวาย ค้างไว้ 10-30 วินาที แล้วเปลี่ยนข้าง ลองเปลี่ยนบรรยากาศ: ถ้าไม่มีเก้าอี้ กำแพง หรือต้นไม้ก็ใช้ได้ เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพ: หายใจลึก ๆ:  หายใจเข้าลึก ๆ แล้วปล่อยออกช้า ๆ จะช่วยให้คุณยืดได้ดียิ่งขึ้น ฟังร่างกายตัวเอง:  ยืดในระดับที่รู้สึกดี ไม่เจ็บ อย่าฝืน ยืดเส้นทุกวัน เพื่อร่างกายที่พร้อมใช้งานเสมอ น่อง หลังขา และทุกส่วนของคุณจะขอบคุณแน่นอน! 😊 Source: https://goodtimes.ca/stretch-it-out-2/

  • ทำไมต้องล้างผักผลไม้ก่อนกิน (พร้อมวิธีง่ายๆ ที่ได้ผลจริง)

    การกินผักผลไม้ทุกวันช่วยให้สุขภาพดีแน่นอน! แต่ก่อนกิน อย่าลืมล้างให้สะอาดก่อนนะ เพราะการล้างช่วยลดความเสี่ยงจากสิ่งสกปรกและสารเคมีที่อาจแฝงมากับผักผลไม้ที่ดูสดใหม่ เรามาดูกันว่าทำไมถึงสำคัญ และวิธีล้างที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดคืออะไร ทำไมต้องล้าง? ผักผลไม้ถูกปลูกในสภาพแวดล้อมที่เปิดโล่ง ซึ่งอาจสัมผัสกับสิ่งต่างๆ เช่น ดิน ฝุ่น เชื้อโรค แมลง หรือแม้กระทั่งสารเคมีป้องกันศัตรูพืช นอกจากนี้ ระหว่างกระบวนการเก็บเกี่ยว แพ็ก และขนส่ง ก็อาจมีสิ่งสกปรกเพิ่มเข้ามาอีก ดังนั้น การล้างช่วยลดสิ่งเหล่านี้ได้ และทำให้คุณกินได้อย่างสบายใจขึ้น! วิธีล้างผักผลไม้แบบง่ายและปลอดภัย ล้างมือก่อน มือของเราก็อาจมีเชื้อโรค อย่าลืมล้างมือให้สะอาดก่อนจับผักผลไม้ ใช้น้ำสะอาดไหลผ่าน ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาหรือสารเคมีแปลกๆ ใช้แค่น้ำเย็นล้างและถูด้วยมือจนแน่ใจว่าสะอาด ไม่ใช้สบู่หรือสารเคมี ผักผลไม้บางชนิดมีผิวที่ซึมซับ ถ้าใช้น้ำยาล้างจานหรือสารเคมีอื่นๆ อาจทำให้ตกค้างและเป็นอันตรายได้ ถ้าอยากล้างเพิ่ม คุณสามารถใช้น้ำส้มสายชู (เช่น น้ำส้มสายชูหมักหรือแอปเปิลไซเดอร์) หรือเบกกิ้งโซดา โดยผสมกับน้ำสะอาดแล้วแช่ผักผลไม้ประมาณ 2-3 นาที ก่อนล้างด้วยน้ำอีกครั้ง แต่จริงๆ แล้ว น้ำสะอาดธรรมดาก็เพียงพอแล้ว เคล็ดลับสำหรับผักผลไม้แต่ละประเภท ผักใบเขียว (เช่น ผักกาด, คะน้า): เด็ดใบแยกออกแล้วล้างทีละใบ ใบที่ช้ำหรือเหี่ยวควรทิ้ง ผักหัว (มันฝรั่ง, แครอท): ใช้แปรงถูเบาๆ เพื่อขจัดดินและสิ่งสกปรก ผลไม้ที่เน่าเสียง่าย (สตรอว์เบอร์รี, องุ่น): ล้างเฉพาะตอนจะกิน เพราะความชื้นจะทำให้ผลไม้เสียเร็วขึ้น ผลไม้เปลือกแข็ง (แตงโม, สควอช): ถูเปลือกด้วยแปรงเพื่อขจัดสิ่งสกปรกก่อนหั่น วิธีเก็บให้สดนาน หลังล้างแล้ว ซับน้ำให้แห้งด้วยกระดาษทิชชู่ หรือใช้เครื่องหมุนสลัดน้ำออก แล้วเก็บในกล่องปิดฝาและแช่ตู้เย็น ช่วยลดการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและยืดอายุการเก็บ ข้อควรจำ ไม่มีวิธีล้างไหนที่กำจัดเชื้อโรคได้ 100% แต่การล้างด้วยน้ำสะอาดก็เพียงพอที่จะลดความเสี่ยงได้แล้ว! ถ้ากังวลมาก สามารถปรุงสุกอาหารเพื่อความปลอดภัยสูงสุด แค่นี้คุณก็อิ่มอร่อยกับผักผลไม้สดๆ ได้อย่างมั่นใจแล้ว! 🍓🥬 Source: https://goodtimes.ca/why-you-should-always-wash-fruit-and-veg-before-eating-them-and-the-best-technique-to-use/

  • เสริมกล้ามเนื้อช่วงวัยทอง: โปรตีนคือฮีโร่ของคุณ

    เมื่ออายุเพิ่มขึ้น แม้แต่เรื่องง่ายๆ อย่างลุกจากเตียงหรือเดินเข้าห้องน้ำ ก็อาจกลายเป็นเรื่องท้าทาย สาเหตุก็มาจาก ภาวะกล้ามเนื้อลดลงตามวัย (Sarcopenia)  ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อเล็กลงและอ่อนแรงลง แต่ไม่ต้องกังวล! การกินโปรตีนที่เหมาะสมและออกกำลังกาย สามารถช่วยให้คุณกลับมาฟิตแอนด์เฟิร์มได้ 🥩 โปรตีนทำไมถึงสำคัญ โปรตีนไม่ใช่แค่สารอาหารทั่วไป แต่เป็น "วัสดุก่อสร้าง" ของร่างกาย! ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ รักษากล้ามเนื้อ และให้พลังงานที่จำเป็น แต่พอเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะใช้งานโปรตีนได้ไม่ดีเท่าเดิม ดังนั้นเราจึงต้องกินโปรตีนให้มากขึ้นเพื่อชดเชย 💡 เคล็ดลับสำคัญ:  ผู้สูงอายุต้องการโปรตีนมากกว่าคนทั่วไปถึง 50%  หรือประมาณ 1.2 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัว  ต่อวัน 🏋️‍♀️ เลือกโปรตีนคุณภาพ ไม่ใช่แค่กินเยอะ แต่ต้องกินโปรตีนที่ดีด้วย! โปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็นอย่าง ลิวซีน (Leucine)  จะช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อได้ดีที่สุด ตัวเลือกโปรตีนคุณภาพสูง: เนื้อสัตว์ เช่น ไก่ ปลา ไข่ และโยเกิร์ตแบบกรีก โปรตีนจากพืช เช่น เต้าหู้ ถั่วเลนทิล อย่าลืมแบ่งโปรตีนกินให้ครบทุกมื้อ โดยตั้งเป้า 25-40 กรัมต่อมื้อ  เพื่อประโยชน์สูงสุด 🥗 โปรตีน + การออกกำลังกาย = สูตรชนะกล้ามเนื้อหด การกินโปรตีนจะได้ผลดียิ่งขึ้นถ้าคู่กับการออกกำลังกาย เช่น การเดิน สควอท หรือยกน้ำหนัก งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้สูงอายุที่กิน โปรตีนเวย์ (Whey)  หรือ โปรตีนถั่วลันเตา (Pea Protein)  สามารถเพิ่มการสร้างกล้ามเนื้อได้ถึง 10% แต่ระวัง! โปรตีนคอลลาเจนที่โฆษณากันว่าเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ กลับไม่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมากเท่าที่คิด 🌱 ไขความเชื่อผิดๆ เรื่องโปรตีน กลัวว่าโปรตีนจะทำลายไตหรือกระดูก? ไม่จริง! การเพิ่มโปรตีนไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียเหล่านี้ แต่กลับช่วยลดการสูญเสียกล้ามเนื้อและเพิ่มช่วงเวลาแห่งสุขภาพดีในชีวิต 🍳 ไอเดียเมนูโปรตีนแน่นๆ มื้อเช้า: ไข่เจียวใส่หมูสับและต้นหอม กินคู่กับข้าวกล้อง โจ๊กข้าวโอ๊ตใส่ไก่ฉีก โรยต้นหอม ผักชี มื้อเที่ยง: ยำวุ้นเส้นอกไก่ใส่ไข่ต้ม แกงจืดเต้าหู้หมูสับ ใส่ผักกาดขาว มื้อเย็น: ปลานึ่งมะนาว กินคู่กับผักลวก ผัดผักรวมเต้าหู้ขาว โรยเมล็ดงา ของว่าง: ไข่ต้มยางมะตูม ถั่วลิสงอบสมุนไพร หมูยอไร้แป้ง กับน้ำจิ้มแจ่ว อย่าปล่อยให้ภาวะกล้ามเนื้อหายตัว การสูญเสียกล้ามเนื้อไม่ได้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แค่เลือกกินโปรตีนให้ถูก และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะยังคงแข็งแรงและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไม่ว่าคุณจะชอบโปรตีนจากสัตว์หรือพืช มีตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคุณ เริ่มต้นวันนี้ เติมโปรตีนเข้าไปในจาน แล้วสุขภาพดีจะอยู่กับคุณไปอีกนาน! 🌟 Source: https://goodtimes.ca/nutrition-and-healthy-aging-the-role-of-protein-quality-in-combatting-muscle-loss/

  • สร้างต้นขาให้แข็งแรง ชีวิตดี๊ดี!

    กล้ามเนื้อต้นขาเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายของคุณมีฐานที่มั่นคง เพิ่มความสมดุลและการทรงตัวในชีวิตประจำวัน ใครอยากเดินมั่นใจ วิ่งคล่องตัว หรือป้องกันการบาดเจ็บของข้อเข่าและสะโพก มาลอง 2 ท่าออกกำลังกายง่ายๆ ที่บ้านกันเลย! 1. สควอท: ท่าเบสิคที่ขาดไม่ได้ วิธีทำ: หย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ที่มั่นคง วางเท้ากว้างเท่าหัวไหล่ ปลายเท้าชี้ตรงไปข้างหน้า เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ยื่นแขนออกมาด้านหน้าเพื่อทรงตัว จากนั้นยืนขึ้น โดยให้สะโพกอยู่แนวเดียวกับไหล่ เกร็งหน้าท้องช่วยพยุงตัว ค่อยๆ ลดตัวลงจนก้นแตะเก้าอี้เบาๆ หรือกลับมานั่ง แล้วลุกขึ้นอีกครั้ง เคล็ดลับ: ทำ 2-8 ครั้ง ตามความสะดวก ระวังอย่าให้ปลายเท้าเอียงออกด้านข้าง ถ้ารู้สึกง่ายไป ลองไม่ใช้เก้าอี้แล้วลดตัวลงให้ลึกเท่าที่ทำได้ ท่าง่าย:  ลองมินิสควอท โดยไม่ต้องยืนขึ้นเต็มที่ ท่านี้ช่วยลดแรงกระแทกเหมาะสำหรับมือใหม่ 2. ลันจ์แบบพยุงตัว: ท้าทายสมดุล วิธีทำ: ใช้เก้าอี้ เคาน์เตอร์ หรือมือเพื่อนช่วยพยุงตัว ก้าวขาซ้ายไปด้านหน้า มือขวาวางบนเก้าอี้เพื่อทรงตัว ลดตัวลงโดยงอเข่าซ้าย ระวังให้เข่าอยู่แนวเดียวกับปลายเท้า ดันตัวกลับขึ้นมายืนตรง ทำซ้ำ 2-12 ครั้ง แล้วสลับข้าง เคล็ดลับคนเก่ง:  ถ้ารู้สึกเจ็บข้อหรือมีปัญหาข้อเข่า ให้ลดมุมการงอเข่าลง ท่านี้เน้นความต่อเนื่องมากกว่าความลึก สิ่งดีๆที่คุณจะได้รับจากการมีกล้ามเนื้อต้นขาที่แข็งแรง เดินคล่อง วิ่งไว:  กล้ามเนื้อต้นขาแข็งแรงช่วยให้เคลื่อนไหวสะดวกขึ้น ปกป้องข้อ:  ลดแรงกดที่เข่าและสะโพก ทรงตัวดีเยี่ยม:  พื้นฐานร่างกายแน่นหนาช่วยลดโอกาสหกล้ม บุคลิกภาพเป๊ะ:  กล้ามเนื้อที่แข็งแรงช่วยให้ยืนตัวตรงและมั่นใจ มาเริ่มต้นสร้างกล้ามเนื้อต้นขาให้แข็งแรงกันเถอะ! ทำสม่ำเสมอ ทีละนิด แล้วคุณจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในชีวิตประจำวันแน่นอน! 🚶‍♀️✨ Source: https://goodtimes.ca/strengthen-your-thighs/

  • ตั้งเป้าหมายปีใหม่ ให้มีความหมายมากขึ้น

    เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 เสียงเรียกร้องของเป้าหมายปีใหม่ (New Year Resolutions) ก็เริ่มดังขึ้น ชวนให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง ตั้งแต่การวางแผนการออกกำลังกายไปจนถึงการปรับเปลี่ยนชีวิตใหม่ แต่บางครั้งแรงกดดันเหล่านี้อาจทำให้เรารู้สึกว่าเรายัง "ไม่ดีพอ" แทนที่จะหมกมุ่นกับการเปลี่ยนแปลง ลองหันมาชื่นชมในสิ่งที่คุณเป็นและเดินทางมาไกลแค่ไหน เพราะความสุขของคุณไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับการแก้ไขตัวเองทั้งหมด 1. ไม่ตั้งเป้าหมายก็ไม่เป็นไร! เป้าหมายปีใหม่เป็นเพียงตัวเลือก คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อมีความสุข ลองหันมามองในสิ่งที่คุณประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา และให้ความสำคัญกับการรักตัวเองในแบบที่คุณเป็น 2. ตั้งคำถามกับ "ทำไม" ของคุณ ถ้าคุณเลือกที่จะตั้งเป้าหมาย ให้ถามตัวเองว่า ทำไมเป้าหมายนี้ถึงสำคัญสำหรับฉัน?  เป้าหมายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรักตัวเองมักยั่งยืนและเติมเต็มมากกว่าเป้าหมายที่มาจากแรงกดดันภายนอก 3. ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงและมีความหมาย ใช้หลัก S.M.A.R.T. (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) ในการตั้งเป้าหมาย เช่น หากต้องการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้น เริ่มจากการเดินเพียง 15 นาทีต่อวัน แทนที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ต้องเข้ายิมทุกวัน 4. ฉลองชัยชนะเล็ก ๆ ทุกก้าวที่คุณเดินหน้าไปถือว่าสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือจนจบหนึ่งเล่ม ลองทำอาหารเมนูใหม่ หรือใช้เวลาในการดูแลตัวเอง อย่าลืมชื่นชมความสำเร็จเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้น 5. ยืดหยุ่นและใจดีกับตัวเอง ชีวิตเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง หากเป้าหมายของคุณไม่สอดคล้องกับสิ่งที่คุณต้องการอีกต่อไป ก็ไม่เป็นไร ลองปรับเปลี่ยนหรือปล่อยวาง และอย่าลืมที่จะใจดีกับตัวเอง 6. เช็คอินกับตัวเองอยู่เสมอ ตลอดปี 2025 ให้เวลาตัวเองในการทบทวนว่าเป้าหมายยังตอบโจทย์ความสุขของคุณหรือไม่ การเช็คอินเป็นระยะ ๆ จะช่วยให้คุณเชื่อมโยงกับความต้องการและคุณค่าที่เปลี่ยนแปลงไป ปี 2025 ไม่ได้เป็นเรื่องของความสมบูรณ์แบบ แต่มันคือการเติบโต การทบทวน และการยอมรับตัวเอง ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายหรือไม่ก็ตาม อย่าลืมว่าคุณมีคุณค่าในตัวเองเสมอ สุขสันต์ปีใหม่ 2025!  🎉 Source: https://cmha.ca/news/rethinking-resolutions/

  • บอกลาความอืดจากมื้ออาหารในเทศกาล ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้

    ช่วงเทศกาลเต็มไปด้วยงานเลี้ยงและอาหารอร่อยๆ แต่บางครั้งก็อาจทำให้รู้สึกอึดอัด หนักท้อง และเฉื่อยชาได้! ลองกิจกรรมง่ายๆ เหล่านี้เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและสนุกไปกับเทศกาลได้อย่างเต็มที่ 1️⃣ เดินเล่นหลังมื้ออาหาร หลังอิ่มอร่อยจากมื้อใหญ่ ลองชวนคนในครอบครัวออกมาเดินเล่น การเดิน 10–20 นาทีช่วยได้หลายอย่าง: ช่วยย่อยอาหาร ลดอาการอืดท้อง เติมพลังให้คุณ ลองเดินเล่นรอบๆ บ้านเพื่อชมไฟประดับ หรือไปที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน การเดินเล่นนี้อาจกลายเป็นประเพณีใหม่ที่เชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัวได้อีกด้วย 2️⃣ เล่นเกมสนุกๆ กลางแจ้ง สร้างความสนุกหลังมื้ออาหารด้วยเกมเบาๆ เช่น ปาบอลหิมะ วิ่งไล่จับ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่ทุกคนสามารถร่วมสนุกได้ กิจกรรมเหล่านี้ช่วย: เปลี่ยนโฟกัสจากการกินไปที่การเล่น เพิ่มเสียงหัวเราะและพลังบวก ช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ถ้าอากาศเป็นใจ ลองออกไปเล่นกับครอบครัวและเก็บความทรงจำที่น่าประทับใจ! 3️⃣ ยืดเส้นยืดสายช่วยย่อย ถ้าต้องอยู่ในบ้าน ลองยืดเส้นยืดสายแบบโยคะ เช่น ท่าบิดตัวขณะนอนตะแคง ซึ่งช่วย: ลดอาการแน่นท้อง กระตุ้นระบบย่อยอาหาร ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อยืดตัวเบาๆ เหล่านี้ รับรองว่ารู้สึกดีขึ้นและยังช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้นด้วย เปลี่ยนเป็นกิจวัตรประจำวัน เคล็ดลับเหล่านี้ไม่ใช่แค่สำหรับเทศกาล! คุณสามารถทำได้ตลอดปีเพื่อช่วยการย่อยอาหาร ลดอาการอืดท้อง และคงพลังงานไว้ ลองนำไปปรับใช้เพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้นและสนุกไปกับเทศกาลสุขภาพดีได้เต็มที่! Source: https://www.cnn.com/2024/11/28/health/thanksgiving-bloat-exercises-wellness

  • วิ่งเพื่อสุขภาพ... หรือเพื่อหัวใจ?

    การออกกำลังกายด้วยการวิ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้รักสุขภาพและต้องการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ใหม่ ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าการเข้าร่วมชมรมวิ่งไม่ใช่แค่เพื่อสุขภาพที่ดี แต่ยังอาจเป็นเส้นทางสู่การพบคนพิเศษในชีวิตได้ด้วย! วิ่งแล้วเจอรัก? เรื่องจริงไม่ใช่แค่ในละคร ที่ชมรม London City Runners ในลอนดอน มีเรื่องราวโรแมนติกเกิดขึ้นมากมาย อย่างน้อย 20 คู่แต่งงานเริ่มต้นจากที่นี่ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนที่มีความสนใจคล้ายกัน เช่น การออกกำลังกาย จะได้มีโอกาสทำความรู้จักกันในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย “การวิ่งกลายเป็นเหมือนแอปหาคู่ยุคใหม่” ผู้คนที่เหนื่อยหน่ายกับการเลื่อนหาเนื้อคู่ในแอปต่างหันมาลองชมรมวิ่งที่เปิดโอกาสให้ได้พบปะคนใหม่ ๆ ในการทำกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพ ความปลอดภัยและการสร้างชุมชนสำหรับผู้หญิง สำหรับผู้หญิงหลายคน ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ การวิ่งเป็นกลุ่มช่วยสร้างความมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่ชมรมอย่าง These Girls Run  ในอังกฤษจะเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากความปลอดภัยแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่ผู้หญิงสามารถสร้างเครือข่ายและแรงสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทั้งในเรื่องสุขภาพกายและสุขภาพจิต สุขภาพจิตดีด้วยการวิ่งเป็นกลุ่ม การวิ่งไม่ได้ช่วยแค่เรื่องสุขภาพกาย แต่ยังช่วยเสริมสุขภาพจิต การได้วิ่งในกลุ่มที่มีเป้าหมายร่วมกันช่วยสร้างกำลังใจและพลังบวก มีสมาชิกบางคนกล่าวว่าการเข้าร่วมชมรมวิ่งช่วยให้เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่จากช่วงเวลาที่ตกต่ำ เริ่มวิ่งวันนี้ ไม่สายเกินไป! ไม่ว่าคุณจะวิ่งเพื่อสุขภาพ เพื่อสร้างมิตรภาพใหม่ หรือเพื่อความรัก การวิ่งคือกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ทุกด้าน หาชมรมวิ่งใกล้บ้าน แล้วเริ่มต้นออกวิ่งวันนี้! Source: https://www.cnn.com/2024/11/25/health/running-romance-wellness

  • รู้จักโรคเบาหวานกันเถอะ: ป้องกันได้ แค่ปรับไลฟ์สไตล์!

    รู้ไหมว่า มีผู้ใหญ่กว่า 800 ล้านคนทั่วโลก  ที่กำลังใช้ชีวิตอยู่กับโรคเบาหวาน! ข้อมูลนี้มาจากการศึกษาล่าสุดใน The Lancet  โดยในปี 2022 มีอัตราผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 14%  เลยทีเดียว เรามาดูกันว่าโรคนี้คืออะไร จะป้องกันได้อย่างไร และควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์อย่างไรเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีทั้งในระยะสั้นและยาว เบาหวานคืออะไร? เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับการที่ร่างกายจัดการน้ำตาลในเลือด (กลูโคส) ได้ไม่ดี มีอยู่ 3 ประเภทหลัก: เบาหวานชนิดที่ 1 : เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ที่ผลิตอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ ส่วนใหญ่พบในเด็ก แต่สามารถเกิดในผู้ใหญ่ได้เช่นกัน เบาหวานชนิดที่ 2 : พบมากที่สุด เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การกินอาหารที่ไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกาย และน้ำหนักตัวเกิน เบาหวานขณะตั้งครรภ์ : เกิดขึ้นในหญิงตั้งครรภ์ บางครั้งอาจหายไปหลังคลอด แต่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต ทำไมต้องใส่ใจ? เบาหวานไม่ได้แค่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง แต่ยังเป็นสาเหตุหลักของ: ไตวายเรื้อรัง ตาบอด การตัดขา นอกจากนี้ คนที่เป็นเบาหวานยังมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ สูงกว่าปกติถึง 4 เท่า ป้องกันง่ายๆ ทำได้ทุกวัน ข่าวดีคือ เบาหวานชนิดที่ 2 ป้องกันได้! ออกกำลังกาย:  แค่ 150 นาทีต่อสัปดาห์  ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้ กินอาหารดีๆ:  เน้นผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และลดอาหารแปรรูป ดื่มน้ำเยอะๆ:  น้ำช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี รักษาน้ำหนัก:  ลดน้ำหนักส่วนเกินช่วยลดความเสี่ยง เลิกบุหรี่:  การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงเบาหวานถึง 30-40% ตรวจและรักษาอย่างไร? ถ้ารู้สึกผิดปกติ ลองปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการตรวจ ระดับน้ำตาลในเลือด (A1C)  เพื่อวินิจฉัยเบาหวานหรือภาวะก่อนเบาหวาน ถ้าตรวจพบเร็ว การปรับไลฟ์สไตล์และการใช้ยาเหมาะสมจะช่วยได้มาก ปรับชีวิตให้ดีขึ้น เพื่อห่างไกลเบาหวาน ไม่ว่าจะป้องกันหรือจัดการโรคเบาหวาน การปรับพฤติกรรมเหล่านี้สำคัญมาก: ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:  โดยเฉพาะถ้าคุณนั่งทำงานทั้งวัน กินอาหารที่มีประโยชน์:  เลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพทุกครั้งที่ตักอาหาร เลิกบุหรี่:  เป็นตัวการเพิ่มความเสี่ยงหลายโรค อย่าลืม รู้จักปัจจัยเสี่ยงของตัวเอง  และพูดคุยกับแพทย์ถึงวิธีป้องกันและดูแลสุขภาพ อย่ารอให้โรคมาหาเรา เราสามารถเลือกสุขภาพดีได้ทุกวัน! Source: https://www.cnn.com/2024/11/14/health/diabetes-prevention-wellness

  • ทำไมไม่ควรนั่งในห้องน้ำเกิน 10 นาที

    มียอมรับไหมว่าคุณเคยพกมือถือเข้าห้องน้ำไปด้วย? แค่จะเข้าไปทำธุระเล็กน้อย แต่กลายเป็นว่านั่งอ่านหรือเลื่อนดูหน้าจอจนเพลิน หลายคนทำแบบนี้เป็นนิสัย แต่รู้หรือไม่ว่าการนั่งบนชักโครกนานเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ! ผลกระทบจากการนั่งนานเกินไป เสี่ยงต่อการเป็นริดสีดวงทวาร:  แรงกดจากน้ำหนักตัวและแรงโน้มถ่วงทำให้เลือดไหลเวียนยาก ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแอ:  การนั่งนานเกินไปทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักจนเกิดการอ่อนล้า ภาวะลำไส้ยื่น (Rectal Prolapse):  การกดทับจากการนั่งนานอาจทำให้ลำไส้เลื่อนลงมา เคล็ดลับการเข้าห้องน้ำให้สุขภาพดี ตั้งเวลาสั้นๆ:  อย่านั่งเกิน 10 นาที ถ้าทำธุระไม่ได้ ให้ลุกออกมาเดินแทน เก็บมือถือไว้ข้างนอก:  ยิ่งไม่มีอะไรดึงดูดใจ คุณจะยิ่งใช้เวลาน้อยลง ดื่มน้ำและกินไฟเบอร์:  อาหารอย่างข้าวโอ๊ต ถั่ว หรือผักช่วยให้การขับถ่ายง่ายขึ้น ถ้าคุณมีปัญหาท้องผูกบ่อยๆ หรืออาการผิดปกติอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องการการรักษา ห้องน้ำไม่ใช่ที่พักผ่อน ทำธุระเสร็จแล้วออกมาพักในที่ที่ดีกว่านะ! Source: https://www.cnn.com/2024/11/12/health/phones-on-toilet-wellness

  • 4 เหตุผลดีๆที่ทำให้คุณอยากเพิ่ม "แอปเปิ้ล" ในเมนูประจำวัน

    การได้ทานแอปเปิ้ลสดๆ เป็นอะไรที่อร่อยและยังมาพร้อมประโยชน์อีกมากมาย พูดถึงสุภาษิตที่ว่า “แอปเปิ้ลวันละลูกช่วยให้ห่างไกลหมอ” บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะผลไม้นี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน พร้อมเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการในทุกๆ คำที่ทาน มาดูกันว่าแอปเปิ้ลมีดีอะไรที่ทำให้เราควรทานบ่อยๆ และมีวิธีกินให้อร่อยแบบไหนบ้าง 1. เพิ่มไฟเบอร์ อิ่มนาน สุขภาพดี 💪 แอปเปิ้ลขนาดกลางลูกเดียวมีไฟเบอร์มากกว่า 4 กรัม ซึ่งคิดเป็นประมาณ 18% ของที่ผู้หญิงต้องการและ 12% ของที่ผู้ชายต้องการต่อวัน ไฟเบอร์ช่วยให้อิ่มนาน ดีต่อการย่อยอาหาร และควบคุมน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ในแอปเปิ้ลยังมีเพคติน ซึ่งช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลในเลือดได้ด้วย อย่าลืมทานทั้งเปลือกนะคะ เพราะการปอกเปลือกออกจะทำให้ไฟเบอร์ลดลงถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว! 2. ต้านโรคด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ 🍃 แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะเควอซิติน (quercetin) ซึ่งช่วยลดการอักเสบและปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ และโรคหืดหอบอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการช่วยยับยั้งการเติบโตของมะเร็งบางชนิด อย่างเช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เช่นกัน 3. ดีต่อหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ❤️ หากอยากให้หัวใจแข็งแรง แค่ทานแอปเปิ้ลวันละลูกก็ช่วยได้ งานวิจัยเผยว่าการทานแอปเปิ้ลขนาด 100-150 กรัม (ประมาณแอปเปิ้ลขนาดกลางหรือ 1 ถ้วยที่หั่นเป็นชิ้น) ทุกวันอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ ผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงเล็กน้อยที่ทานแอปเปิ้ลวันละ 2 ลูกต่อเนื่อง 8 สัปดาห์พบว่าระดับคอเลสเตอรอลทั้งหมดและคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ลดลง นอกจากนี้ การทานแอปเปิ้ลอย่างน้อย 4 ลูกต่อสัปดาห์ยังช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงได้ถึง 9% อีกด้วย 4. ป้องกันเบาหวานแบบธรรมชาติ 🛡️ ถึงแม้ว่าแอปเปิ้ลจะมีน้ำตาลธรรมชาติ แต่ด้วยไฟเบอร์และสารอาหารต่างๆ ทำให้แอปเปิ้ลมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (GI) ซึ่งหมายถึงไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง งานวิจัยพบว่าการทานแอปเปิ้ลอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ เนื่องจากมีสารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ Source: https://www.yahoo.com/lifestyle/eat-2-apples-day-lower-224310160.html

สมัครรับจดหมายข่าวของเรา

ขอบคุณสำหรับการส่ง!

ติดตามเราได้ที่:

สั่งซื้อออนไลน์:

SUGAR KUTT Line.png
  • Sugar Kutt Facebook
  • Sugar Kutt Instagram

+66 86 426 2623

sugarkutt@gmail.com

© 2022 by Sugar Far Away. Proudly created by GENIUSBIMBO

bottom of page